รีวิวการเดินทางท่องเที่ยวประเทศศรีลังกา เที่ยวศรีลังกาด้วยตัวเอง ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวศรีลังกา

รีวิวการเดินทางท่องเที่ยวประเทศศรีลังกา  เที่ยวศรีลังกาด้วยตัวเอง ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวศรีลังกา
Sri Lanka Trip Review รีวิวทริป เที่ยวประเทศ ศรีลังกา

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วันที่ 1 เดินทางจากกรุงเทพฯ - โคลอมโบ - อนุราธปุระ

เริ่มทริปกันเลยนะครับ พวกเรา 4 ชีวิต (ผมเอง คือหลวงไข่, ลุงเสริม, พี่สุรชัย และพี่ทิพย์ ครับ) เดินทางจากสนามบินดอนเมืองด้วยเครื่องแอร์เอเชีย เพื่อเดินทางไปยังกรุงโคลอมโบ ซึ่งอย่างที่บอกครับ ว่าวันที่ 10 ตุลาคม 2555 เป็นวันสุดท้ายที่เที่ยวบินนี้จะบินจากกรุงเทพฯไปยังโคลอมโบ (หลังจากนี้จะต้องบินไปกัวลาลัมเปอร์ก่อนนะครับ) ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงศรีลังกาครับ โดยที่เวลาที่ศรีลังกาจะช้ากว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง 30 นาทีครับ เที่ยวบินออก 7 โมงเช้าจากกรุงเทพฯ ถึงศรีลังกา ตอน 9 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่นที่ศรีลังกาครับ 

บรรยากาศรัยฃนเวย์ของสนามบิน บันดาราไนยเก หรือ Bandaranaike International Airport หรือ อีกชื่อเรียกว่าสนามบิน Katunayake International Airport หรือ Colombo International airport) ตั้งอยู่ทางทางด้านเหนือของกรุงโคลอมโบ 35 กิโลเมตร (สนามบินอยู่ที่เมือง เนกอมโบนะครับ ไม่ใช่ที่โคลอมโบ)


หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาข้างในอาคารขาเข้าหรือ Arrival Terminal ก็จะเป็นทางเดินแบบนี้ครับ


ตรงสุดทางเดินจะเจอพระพุทธรูปปางแสดงธรรม องค์นี้สวยงามมากๆครับ หลังจากผ่านพระพุทธรูปนี้ก็เดินเลี้ยวซ้ายออกไปจะเจอกับด่าน ตม. ตรวจคนเข้าเมืองของศรีลังกาครับ


อีกมุมหนึ่งจะเป็นมุม Visa On Arrival ครับ คือถ้าเรายังไม่ขอวีซ่าออนไลน์ผ่านเว็ปไซต์ เราก็สามารถมาขอตรงนี้ได้ครับ แต่ค่าวีซ่าแบบ On arrival นี้จะเป็น 25 Us Dollar ครับ (ถ้าทางเว็ป แค่ 20 US Dollar ครับ) 




หลังจากนั้นก็เดินออกมาข้างนอกสนามบิน เจอที่แลกเงินครับ แลกเงินไทยที่สนามบินก็ได้นะครับ เรท 1 บาท ได้ 3รูปีกว่าๆเกือบ 4 รูปีโดยประมาณนะครับ ส่วนพวกผมแลกเงินดอลลาร์ไปจากประเทศไทยไปแล้วเพราะนึกว่าเงินไทยแลกไม่ได้ที่ศรีลังกา ก็จัดการแลกเงินดอลลาร์ที่มีอยู่ 300 US Dollar กับลุงเสริมสองคน เรท อยู่ที่ประมาณ 1 US Dollar ได้ 126.26 รูปี ครับ รวมได้37,878 รูปี ครับผม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่าสะดวกสุดก็แลกดอลลาร์ไว้ดีกว่าครับ เพราะบางที่ก็ไม่รับแลกเงินไทยเหมือนกันครับ ส่วนผมอาศัยกด เอทีเอ็มเอาทีหลังครับ ของผมบัตรเอทีเอ็มธนาคารทหารไทยกดได้ตลอดครับ (ไม่ได้โฆษณานะครับ ไม่ได้ทำงานธนาคารด้วย) ไม่ได้มีปัญหาเหมือเอทีเอ็มของพี่สุรชัย (ไม่บอกดีกว่าว่าธนาคารอะไร ใครอยากรู้หลังไมค์ครับ อิๆๆ) ตู้เอทีเอ็ม ศรีลังกา กดได้ครั้งละสูงสุด 20,000 รูปีครับ โดยที่เราจะโดนชาร์จค่าธรรมเนี่ยม ประมาณ 150 บาท ต่อครั้งที่กดครับ (เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะกดเงินต่างประเทศ ต้องเผื่อใจไว้ด้วยนะครับว่าโดนชาร์จแน่นอนครับ)

แลกเงินเสร็จก็ออกมานอกสนามบินครับ เคยอ่านในบล็อกอื่นๆ เขาบอกว่าให้ออกมาทางซ้ายสุดจะเจอรถบัสฟรีของสนามบินไปส่งที่ท่ารถ แล้วสามารถต่อรถบัสเข้าโคลัมโบได้ แต่ผมหาไม่เจอครับ อีกอย่าง พอออกมาข้างนอกคนเยอะมากๆครับ อากาศก็ร้อนด้วยสงสารลุงเสริม ก็เลยตัดสินใจเรีกแท็กซี่เลยครับ เขาตกลงราคา 30  US dollar สำหรับนั่งจากสนามบินไปสถานีรถไฟ Colombo Fort ใจกลางกรุงโคลอมโบครับสำหรับ 4 คน แต่พวกเราแลกเงินมาเป็นรูปีเกือบหมดแล้วก็เลยต้องจ่ายเป็นเงินรูปีครับ เขาคิดเรท 130 รูปี ต่อ 1 US dollar ครับ เลยต้องจ่ายเขาไป 3900 รูปีครับ


ระหว่างทางเจอกับมะพร้าวลูกสีส้มๆ นี้ระหว่างทาง  พี่โชเฟอร์ใจดีเห็นว่าเราสนใจก็เลยจอดให้ เขาเรียกว่า King Coconut ครับ ลูกละ 35 รูปี ครับ แต่น้ำจะออกเปรี้ยวๆ ไม่ได้อร่อยเหมือนน้ำพระพร้าวบ้านเราครับ น้ำมะพร้าวบ้านเราอร่อยกว่าเยอะครับ (ตามความรู้สึกผมนะ)


นั่งมาประมาณ ชั่วโมงหนึ่งพอดี รถติดมากในกรุงโคลอมโบ เราก็มาถึงสถานีรถไฟโคลอมโบ ฟอร์ท (Colombo Fort) ก็ประมาณหัวลำโพงบ้านเราครับ แต่ที่นี่เล็กกว่าบ้านเราเยอะครับ) 



อยากจะบอกว่าก่อนมาที่ศรีลังกาผมก็ได้ศึกษาเวลาของรถไฟไว้แล้วในเว็ปของการรถไฟของประเทศศรีลังกานะครับที่ http://www.gic.gov.lk/gic/index.php?option=com_findnearest&task=train ซึ่งเราสามารถป้อนชื่อสถานีต้นทาง (Colombo Fort) และ สถานีปลายทาง (Anuradhapura Town) และใส่ช่วงเวลา 00:00 - 24:00 และใส่วันที่ ที่เราจะเดินทาง มันก็จะแสดงเที่ยว และเวลารถไฟ ของวันนั้นๆ ให้เราเลยครับ ข้อมูลถูกทุกอย่าง ลองดูนะครับ  อย่างตารางข้างบนที่ได้มา ก็จะเป็นเวลาที่ผมเดินทางได้คือเที่ยว 13:45 นาฬิกา จากโคลอมโบ ฟอร์ท ถึง อนุราธปุระ เวลา 18:34 นาฬิกา (แต่วันที่ผมเดินทาง 10 ตุลาคม 2555 ถึงอนุราธปุระตอนทุ่มครึ่งแน่ะ เลทไป 1 ชั่วโมงครับ)


ตรงนี้เป็นช่องขายตั๋วก่อนทางเข้าสถานีครับ ไปอนุราธปุระราคาตั๋วชั้น 2 290 รูปีครับ ขอแนะนำชั้น 2 อย่านั่งชั้น 3 ครับ คนแน่นมาก ส่วนชั้น 1 เขาบอกว่าขบวนนี้ไม่มีชั้น 1 ครับ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่มี

นี่คือหน้าตาของตั๋วรถไฟที่เราซื้อมาแล้วนะครับ เป็นตั๋วกระดาษแข็งใบเล็กๆเหมือนบ้านเราเมื่อก่อนเลยครับ

หน้าตาของตั๋วที่ผมเอามาสแกนแล้วนะครับ เป็นแบบนี้ ครับ มีชื่อสถานีปลายทาง และราคาตั๋วครับ นอกนั้นเป็นภาษาบ้านเขาครับ อ่านไม่ออกอิๆๆ


เข้ามาภายในสถานีก็มีแบ่งทางเข้า ทางออกชัดเจนนะครับ ถ่ายรูปให้ลุงเสริม 1 รูปครับ 


อันนี้เป็นรูปถายในสถานีโคลอมโบ ฟอร์ทนะครับ เห็นชานชลาหลายช่องมากๆ ถ้าปวดฉี่ก็มีห้องน้ำอยู่ในสถานีนี้ครับ ค่าเข้าห้องน้ำ 10 รูปีครับ 


เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อน 13:45 น. ก็ให้ลุงเสริมเฝ้ากระเป๋า พวกเราเดินออกมาหาของกินข้างนอก เดินเลี้ยวขวาออกจากสถานีก็เจอร้านอาหาร แต่ดูๆแล้ว เรากินไม่ได้แน่ ไปแผงขายผลไม้ เห็นจัดเรียงไว้สวยดี ก็ซื้อไว้เป็นเสบียงในรถไฟด้วยครับ 


ข้ามถนนออกมาฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ ไปเจอร้านข้าว และอาหารของศรีลังกาครับ ส่วนใหญ่เป้นแป้ง ทอด มีไส้ใส่เครื่องแกงที่มีกลิ่นเครื่องเทศอยู่ครับ แบบทอดๆนี้ผมรับได้ครับ ซื้อมากิน 2-3 อัน ก็พอกินได้ครับ แต่ไม่ถึงกับชอบ


มีข้าวผัดด้วยครับ อันนี้เป็นข้าวผัด ไม่มีเครื่องเทศครับ แต่ละมีให้เลือกว่าจะราดแกงอะไร


ทำท่าจะตัดสินใจว่าจะราดแกงแบบเขาก็พลันเหลือบไปเห็นข้าวผัดใส่ไก่ทอดแบบนี้ครับ สวรรค์โปรด รอดตายแล้วมื้อนี้ ก็จัดการสั่งใส่ห่อมาคนละกล่อง กล่องละ 250 รูปี (ประมาณ 60 กว่าบาท)


หน้าร้านอาหารมีแผงขายล็อตเตอรี่ด้วยครับ ที่ศรีลังกาล็อตเตอรี่เขาออกรายวันเลยครับ แต่ใบหนึ่งราคาแค่ 20 รูปีครับ (ประมาณ 5 บาท) ไม่มีขายเกินราคาเหมือนบางประเทศครับ


ซื้อของเสร็จก็เดินกลับไปสถานีรถไฟครับ


ก็ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมง กำลังคิดว่าจะกินในรถไฟหรือกินที่สถานีดี



สุดท้ายแกะกินที่สถานีเลยครับ คิดว่าเผื่อไม่ได้นั่งจะกินข้าวไม่ได้เพราะคนแน่นแน่ๆ ข้าวที่ผมซื้อมาจากร้านเมื่อกี้เป็นข้าวสวยธรรมดาครับ แต่เม็ดข้าวจะออกเค็มๆหน่อย ไม่รู้ว่าเขาหุงข้าวใส่น้ำเกลือด้วยหรือเปล่า เม็ดข้าวก็สั้นๆอวบๆ ไม่เหมือนบ้านเราครับ ช้อนที่เราเอาไปก็ได้ใช้ประโยชน์ตอนนี้แหละครับ ไม่งั้นก็คงต้องเปิบ เพราะเขาไม่ใช้ช้อนกินข้าวกันที่นี่ ระหว่างที่กินข้าวอยู่ นกกาจำนวนมากก็บินมาก่อกวนพวกเรา ต้องโยนข้าวไปให้พวกมันกินไกลๆเรา นกกาเยอะมากๆๆ จริงๆครับ


กินข้าวเสร็จมีพลเมืองศรีลังกาคนหนึ่งเข้ามาคุย ภาษามือ และภาษาเขียน ถามว่าเราไปไหน เราบอกว่าไปอนุราธปุระ แกเลยบอกว่าที่เรารอชานชลาที่ 4 น่ะถูกแล้ว (เพราะเราถามมาแล้วตอนซื้อตั๋ว) แต่แกบอกว่าให้เราไปยืนรอแถวๆ บันไดในภาพข้างบนนี้นะครับ เพราะชั้น 2 ของขบวนรถจะอยู่บริเวณนั้น 


พอใกล้เวลา 13:45 น. ผู้ชายคนเดิมก็บอกให้ผมเดินมารอตรงบันไดเลยครับ พวกเราก็ออกมารอกัน แต่ก็คิดว่าอีตาคนนี้ต้องขอตังค์ค่าบริการจากเราแน่ๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไรครับเพราะแกบอกว่าคนแน่นมากๆๆ เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง 


เป็นอย่างที่ผู้ชายคนนั้นบอกจริงๆครับ พอรถไฟมา คนศรีลังกาก็กรูกันแย่งขึ้นรถ เบียดกันสุดๆ ไม่มีความเกรงใจกันเลยสักนิด ขนาดพวกผมอยู่หน้า เขาก็มาแซก เบียดเข้าไปในขบวนรถได้ที่นั่งก่อนเรา ส่วนผู้ชายคนนั้นก็ไปแย่งที่ให้เรามาได้  ที่ครับ เลยให้ลุงเสริมนั่งไป ส่วน 3 คนที่เหลือคือหลวงไข่ พี่สุรชัย และพี่ทิพย์ก็ตั้องยืนตามระเบียบครับ ผมอยากจะให้ค่าตอบแทนผู้ชายคนนั้น 200 รูปี สำหรับการไปแย่งชิงเก้าอี้ให้พ่อผมนั่ง แต่ผิดคาดครับ แกบอกว่าไม่เป็นไรครับ ไม่เอาครับ ก็เลยสงสัยว่าแกคงเป็นเจ้าหน้าที่ในสถาน ที่คอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวครับ แต่แกแต่งชุดธรรมดามากๆครับ ก็ยังงงอยู่ทุกวันนี้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครถึงได้มาช่วยเหลือพวกเราครับ


สภาพภายในขบวนรถไฟชั้น 2 ของศรีลังกา (ชั้น 3 บ้านเรายังดีกว่าอีก) คนแน่นมากๆ สักพักก็มีคนมาเดินขายของกันจ้าละหวั่น ส่งเสียงโฆษณาสินค้าตัวเองอย่างเซ็งแซ่ ไม่ขาดสาย แม่ว่ารถไฟจะออกจากสถานีแล้ว พวกเขาก็โดยสารไปกับขบวนรถ และขายของไปด้วย


รถออกเขตนอกเมืองก็จะกลายเป็นทุ่งนา ป่าเขา ต้นมะพร้าวสลับกันไป เหมือนบรรยากาศบ้านเราเด๊ะ 


เอาขนมที่ซื้อมาจากร้านตรงข้ามสถานีรถไฟออกมากิน เพราะเบื่อ ไม่รู้จะทำอะไร 


รถไฟก็จอดไปตามสถานีเรื่อยๆ ครับ ป้ายทุกอย่างที่ศรีลังกา จะมีภาษาสิงหล ภาษาทมิฬ และภาษาอังกฤษ ตามลำดับ ครับ  นยืนไปสองชั่วโมงกว่าๆ พวกผมก็ได้นั่งครับ 


พี่สุรชัยได้ลูกสองคนจากในขบวนนี้ครับ สงสัยอยากพาไปอยู่ด้วย อิๆ คนศรีลังกาเป็นมิตรมากครับ น่ารักมาก ขอถ่ายรูปก็จะถ่ายแบบไม่ขี้อายเลยครับ


เวลา 19:30 น. โดยประมาณ พวกเราก็มาถึงสถานีอนุราธปุระ ครับ ในบรรยากาศแบบฝนตกหน่อยๆ


เดินออกมาตรงทางออก เดินตามชาวบ้านไปก็จะเจอรถตุ๊กๆ รออยู่เพียบเลยครับ 


ผมโชว์ Voucher โรงแรม Panorama Rest Hotel ที่จองไว้กับอโกด้า มาให้คนขับรถตุ๊กๆ คนนี้ดู แกคิดราคาคันละ 200 รูปีครับ (ประมาณ 50 บาท) ที่ศรีลังกาเขาห้ามผู้โดยสารมากกว่า 3 คนต่อ 1 คันครับ และห้ามขับรถเร็วด้วยครับ เขาเลยขับกันช้ามากๆ


ถึงโรงแรม พาโนรามา เรสท์ โฮเต็ล ก็จัดการเช็คอินครับ ห้องสวยมาก มีเตียงให้ตั้ง 2 เตียงแน่ะ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ นอนสบายมากๆ


แต่ปลั๊กที่นี่ รูจะเป็นแบบนี้ และก็จะมีแบบที่ใช้อแดปเตอร์ที่ผมเตรียมไปจากประเทศไทยได้ (ซื้อได้ตามร้าน 7Eleven ทั่วไปครับ) แต่ถ้าที่ไหนมีรูแบบนี้แบบเดียวต้องขอยืม อแดปเตอร์จากรีเซ็ปชั่นนะครับ แต่เผอิญว่า ในห้องของโรงแรมนี้มีอีกรูที่ผมสามารถใช้อแดปเตอร์ที่เตรียมไปจากบ้านเราได้ครับ



สักพักก็อยากจะอัพสเตตัสขึ้นเฟซบุ๊คซะหน่อย ก็ไปขอ Usernam Password จากรีเซ็ปชั่นมา เขาก็ให้ตัวนี้มาเป็น Wifi ของบริษัท Dialog แล้วก็ต้องขูดเอารหัสมาใส่ในเครื่องครับ


แต่ใบหนึ่งใช้ได้แค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นครับ คืนนี้หลับฝันดีครับ 

อ่านบทความถัดไป วันที่ 2 เที่ยวชมสถานที่ต่างๆในเมืองอนุราธปุระและเมืองมิหินตะเล

2 ความคิดเห็น:

  1. ผมจะไปวันที่22/2/2556 เราไปขอวีซ่าที่สนามบินศรีลังกาได้ไหมครับ เท่าไหร่ถ้าซื้อที่โน้น

    ตอบลบ
  2. ขอเป็น Visa On Arrival ได้ครับ ค่าวีซ่าจะเป็น 25 Us Dollar ต่อคนครับ แต่ถ้ามีบัตรเครดิตก็จ่ายผ่านลิงค์นี้เลยครับ https://eta.gov.lk/etaslvisa/etaNavServ?payType=1 คนละ 20 US Dollar ครับผม

    ตอบลบ