รีวิวการเดินทางท่องเที่ยวประเทศศรีลังกา เที่ยวศรีลังกาด้วยตัวเอง ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวศรีลังกา

รีวิวการเดินทางท่องเที่ยวประเทศศรีลังกา  เที่ยวศรีลังกาด้วยตัวเอง ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวศรีลังกา
Sri Lanka Trip Review รีวิวทริป เที่ยวประเทศ ศรีลังกา

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วันที่ 7 เดินทางจากแคนดี้ เข้าโคลอมโบ เที่ยววัดคงคาราม เดินทางไปพักโรงแรมที่เนกอมโบ

สวัสดีเช้าวันอังคารที่ 16 ตุลาคม 2555 ครับ ซี่งเป็นวันที่ 7 ของการมาเที่ยวประเทศศรีลังกานะครับ วันนี้ก็ตื่นเช้ามากๆ เพราะเราจะต้องเดินทางกันอีกแล้ว เพื่อจะกลับโคลอมโบ

วันนี้บอกโรงแรมว่าจะทานอาหารเช้าตอน 7  โมงครึ่งเขาก็เตรียมให้เหมือนเดิม มีขนมปังปิ้ง แยม เนย ชากาแฟ (กาแฟไม่อร่อยเลย) แล้วก็ผลไม้ให้เป็นเซ็ทของแต่ละคนเช่ยเคยครับ 


เสร็จแล้วก็เคลียร์บิลกับทางโรงแรม พวกผมต้องจ่ายค่าห้องเพิ่มด้วย เพราะเขาบอกว่าผมใส่จำนวนคนไปผิด ใส่ไปแค่ 2 คน 2 ห้อง ทั้งๆที่มี 4 คน อะไรของเขาก็ไม่รู้ มาดูใน voucher ของอโกด้า ผมใส่จำนวนคนผิดจริงๆ ก็จ่ายๆไป ช่างมัน เราพลาดเอง ต้องจ่ายเพิ่มอีก รวม 4511 รูปี (ประมาณ 1000 กว่าบาท )


เสร็จแล้วก็บอกให้โรงแรมไปเรียกรถตุ๊กๆมาให้ เพื่อจะเดินทางไปสถานีรถไฟเมืองแคนดี้ครับ เรียกมาสองคัน เขาคิดคันละ 300 รูปี ไปสถานีรถไฟ


อีก 10 นาที รถตุ๊กๆก็พาพวกเรามาถึงสถานีรถไฟแคนดี้ครับ (Kandy Railway Station) ระหว่างที่พี่สุรชัยกับคนอื่นๆไปซื้อตั๋วรถไฟ หลวงไข่ก็เดินข้ามถนน ไปด้านข้างของสถานีรถไฟไปที่ทำการไปรษณีย์ใหญ่เมืองแคนดี้ (ด้านขวามือจากรูปสถานีรถไฟครับ) เพื่อไปส่งไปรษณียบัตรให้เพื่อนๆ ที่ประเทศไทย เห็นโปสการ์ดสวยๆ ก้ซื้อมาเพิ่มอีก ทีนี้ไม่รู้จะส่งให้ใครก็เลยส่งมาให้ตัวเองหลายใบเลยครับ อิๆ (ต้องติดแสตมป์ ดวงละ 25 รูปีนะครับ สำหรับโปสการ์ดที่ส่งมาประเทศไทย) 


เช่นเคยครับ ตามตารางที่ผมได้ดูเวลารถไฟมาแล้วในเว็ปไซต์  https://eservices.railway.gov.lk/schedule/homeAction.action?lang=en จะเห็นได้ว่าช่วงเวลาที่รถไฟออกจากเมืองแคนดี้ไปโคลอมโบมีหลายเวลามาก เราเลย เลือกเดินทางเที่ยวเวลา 10:40 น. เพราะไม่เช้ามากและถึงโคลอมโบไม่ค่ำ (เพราะเราต้องไปเที่ยววัดคงคารามและเดินทางไปพักโรงแรมที่ Negombo เพื่อเดินทางกลับบ้านวันรุ่งขึ้นครับ)


จัดการซื้อตั๋วรถไฟ ชั้นสองราคา 190 รูปี (ประมาณ 47.5 บาท) ชั้น 1 ไม่มีในขบวนนี้ แต่เป็นรถไฟต้นสายจากสถานีแคนดี้เลย พวกเราเลยได้นั่งตลอดทางไม่ต้องยืนเหมือนวันแรกที่พวกเราเดินทางจากโคลอมโบไปเมืองอนุราธปุระ


ระหว่างรอรถออกได้เจอครอบครัวชาวศรีลังกา น่ารักมาก น่ารักซะจนพี่ทิพย์ต้องยกผ้าคล้องคอสีม่วงของรักของหวงไปให้น้องผู้หญิงเสื้อขาวไปอย่างไม่ลังเล แต่พวกเขาเดินทางไปเมืองอื่น คนละขบวนกับพวกเราครับ 


ลุงเสริมปวดฉี่เลยพาไปห้องน้ำ เลยถือโอกาสถ่ายรูปที่ทำการไปรษณีย์ใหญ่เมืองแคนดี้ มาให้ดูครับ ตึกขาวๆ หลังคาแดง ด้านหลังลุงเสริมนี้เองครับ 


รูปหลวงไข่ ไม่ค่อยมีเลย อันนี้ลุงเสริมถ่ายให้ที่สถานีรถไฟแคนดี้ แต่ยังมีคนแซวบอกว่าเหมือนจอมขมังเวทย์ ทั้งๆที่เก๊กหล่อสุดๆแล้วนะ 5555


ลุงเสริมถ่ายรูปกับพนักงานตรวจตั๋วสถานรีรถไฟเมืองแคนดี้ครับ 


หลังจากรถไฟเคลื่อนขบวนออกเวลา 10:40 น. รถไฟวิ่งช้าๆครับ พอออกนอกเมืองก็วิ่งเร็วใช้ได้ มีคนเอาอะไรก็ไม่รู้เอามาขาย ห่อใบไม้ คล้ายๆใบบอน อันใหญ่ เปิดข้างในดูเป็นเส้นๆเหมือนขนมจีนบ้านเราเลยครับ แต่ของเขาจะแห้งๆ แล้วก็มีมะพร้าวคั่ว ใส่เครื่องเทศ (คล้ายๆมะพพร้าวคั่วของภาคใต้ แต่คนละกลิ่นครับ) พอกินได้ แต่ลุงเสริมบอกว่าอร่อยมากกกกก เอ่อ.. พ่อผมกินได้ทุกอย่างจริงๆ :-)


นั่งออกนอกเมืองไปเรื่อยๆ จากเขตเมืองก็จะผ่านป่าเขาลำเนาไพร มีลอดอุโมงค์ด้วย หลายอุโมงค์มากๆ วิวสวยมากครับ ชอบมากเลย นั่งไปเรื่อยๆแบบชิลๆ


สถานีเล็กๆเขาไม่จอดเลยครับ จอดแต่สถานีใหญ่ๆ


ในที่สุดพวกเราก็มาถึงสถานีรถไฟ Colombo Fort กลางเมืองโคลอมโบในเวลาบ่ายสองนิดๆ ไม่เลทครับ

ออกมาหน้าสถานี มีรถตุ๊กๆ รออยู่เพียบแล้วครับ ผมกับพี่สุรชัยออกไปซื้อข้าวผัด ร้านเดิมที่เราไปซื้อตอนมาถึงวันแรกครับ แล้วกลับมาที่สถานีติดต่อรถตุ๊กๆสองคัน ไปวัดคงคารามครับ คิดคันละ 200 รูปีครับ (50บาท)


โฉมหน้าโชเฟอร์ถ่ายกับลุงเสริมครับ ที่หน้าวัดคงคาราม 


วัดคงคารามครับ ด้านประตูสีขาวมีพระพุทธรูปยืนสององค์คือทางเข้าข้างในวัด ส่วนอาคารเหลืองๆด้านหน้าซ้ายเป็นอุโบสถ ข้างในสวยงามมากๆครับ


ทางเข้าด้านหน้าครับ


ด้านข้างวัด ตรงนี้จะมีโต๊ะเก็บเงินนักท่องเที่ยวค่าชมวัดนะครับ และมีที่ฝากกระเป่าและรองเท้า 


ค่าเข้าชมวัดคนละ 125 รูปีครับ ไม่แพงเลย ประมาณคนละ 31.25 บาทครับ)


ตรงประตูด้านนห้ามีรถโบราณด้วยครับ คันใหญ่ๆ แบบนี้ 


เข้ามาชมข้างในครับ 


เข้ามาด้านในลึกๆ จะมีพระพุทธรูปปางต่างๆมากมายเอามาจากประเทศไทยครับ และมีเจดีย์จำลองแบบของบุโรพุทโธบนเกาะชวาประเทศอินโดนีเซียด้วยครับ 


อีกมุมครับ ถ่ายกว้างๆ


ด้านข้างมีรูปปั้นช้างตัวใหญ่มากครับ เหมือนของจริง มากๆ 


ใช่ว่าจะมีช้างปลอมอย่างเดียวนะครับ วัดนี้ช้างจริงก็มีครับ ยังเป็นลูกช้างอยู่เลย แต่วันที่ไปเห็นมีแค่เชือกเดียวครับ


เจดีย์สีขาวในลานใจกลางวัดครับ 


อีกอาคารด้านในมีรถเก่าๆอีกมากมายครับ เก่าจนเอามาเก็บคล้ายที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ของเก่าเลยครับ


ในผอบบนหิ้งชั้นบนในภาพเห็นเป็นมัดเส้นผมดำๆอยู่ข้างใน ทางวัดบอกว่าเป็นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าครับ



อีกด้านหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของวัดครับ มีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆมากมาย เงินศรีลังกาสมัยต่างๆ  พระพุทธรูปเล็กๆ มาจากเมืองไทยเพียบเลยครับ 


ลุงคนนี้เห็นว่าเรามาจากเมืองไทย ผูกสายสิญจน์ให้เราที่ข้อมือ ให้พวกเรา พวกเราก็เลยใส่เงินในขันสีทองเป็นการทำบุญให้วัดด้วยครับ 


ลุงเสริมเห็นรถเก่าหน้าวัดแล้วอดใจไม่ไหวต้องถ่ายรูปคู่อีกแล้ว อยากจะเอากลับบ้านซักคัน ทางวัดบอกว่ายังขับได้ครับ ทำงานปกติเลย 


อีกคันที่จอดอยู่ติดกันครับ


ทีนี้เราจะเข้ามาเยี่ยมชมภายในพระอุโบสถแล้วนะครับ

พระประธาน องค์ใหญ่มากๆ สีสันสวยงาม ตกแต่งวิจิตรงดงามตระการตา


อีกด้านหนึ่งครับ


ผนังและเพดานด้านบนครับ


เพดานด้านบน มีภาพของเจดีย์ที่เมืองต่างๆและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆของศรีลังกาด้วยครับ


ประตูทางออกด้านข้างครับ 


ซุ้มประตูด้านหน้า ครับ

เที่ยววัดจนหนำใจแล้วก็ถึงเวลาเดินทางไปเนกอมโบครับ เจ้าหน้าที่ในวัดบอกให้เรามาขึ้นรถเมล์ที่ด้านหน้า ตรงึงใหญ่ตรงนี้ครับ เห็นวิว ตึกสวยๆในโคลอมโบ แต่ภาพย้อนแสงอีกแล้วครับ  มีกล้องตัวเดียวทั้งทริปเลยได้สวยสุดแค่นี้ครับ 



อันนี้เป็นหอกลางน้ำของวัดคงคารามนะครับ เห็นบอกว่าบบรจุคัมภีร์หรือพระไตรบิฎกครับ
ถ่ายรูปเสร็จก็เดินมาขึ้นรถเมล์ รถเมล์ผ่านหลายสายมาก พวกเราเข้าใจว่าจากตรงนี้สามารถนั่งไปเนกอมโบเลยแต่ไม่ใช่ครับ  พอเราถามคนขับกับกระเป๋ารถเมล์ว่าไปเนกอมโบมั้ย เขาบอกว่าไป แต่ไม่ได้บอกว่าต้องไปต่อรถอีกสาย เราเลยขึ้นรถเมล์คันนี้ไป เขาเก็บคนละ 10 รูปี (นึกเอะใจอยู่แล้วว่าไม่ใช่แน่ๆ เพราะค่ารถถูกเกิน แต่เขาอธิบายเราเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้เลยสักคน เพราะที่จริงเราต้องขึ้นรถเมล์คันนี้เพื่อไปอู่รถเมล์หลักของเมืองโคลอมโบก่อนแล้วค่อยหาอีกสายหนึ่งที่นั่นเพื่อไปเนกอมโบอีกทีครับ)


จากบึงใหญ่หน้าวัดคงคาราม รถเมล์คันเมื่อกี่พาเราผ่านโบสถ์คริสต์ด้วยครับวิวสวยๆข้างทาง


ทิวทัศน์บนท้องถนนกลางกรุงโคลอมโบครับ 


แล้วรถคันนี้ก็พาเรามาผ่าน หน้าสถานีรถไฟโคลอมโบฟอร์ทด้วยครับ (เพราะฉะนั้น จากสถานีรถไฟโคลอมโบฟอร์ท ถ้าเราจะไปอู่รถเมืองดคลอมโบก็ให้ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามเลย แล้วหารถเมล์ที่จะไป BusTerminal เพื่อจะไปเนกอมโบ ครับ)


ท้องถนนเมืองโคลอมโบอีกรูปครับ พอรถเมล์คันที่เรานั่งมาถึงอู่รถปุ๊บ เขาก็บอกให้ผู้โดยสารลงจากรถทั้งหมด กระเป๋าใจดี เดินมาบอกเราว่าให้เดินไปขึ้นรถคันไหน เราเลยได้ไปเนกอมโบอย่างง่ายดายครับ (ก็ยังดี พูดกับเราไม่รู้เรื่อง แต่ก็พาเราไปต่อรถถูกคัน มีน้ำใจดีครับ) ก่อนขึ้นรถคันใหม่ก็ถามก่อนเพื่อความมั่นใจว่าผ่านเนกอมโบมั้ย เพราะรถหลายสายผ่านเนกอมโบครับ เขาก็บอกว่าผ่าน เราเลยขึ้น จากอู่รถแรกๆ คนแทบไม่มี พอรับผู้โดยสารไปเรื่อยๆ แน่นมากครับ มียืนกันอีก เรียกว่าอัดกันแน่นยิ่งกว่าปลากระป๋องอีกครับ ค่าโดยสารคนละ 53 รูปีครับ  จนท้ายสุดเมื่อมาถึงเนกอมโบ คนขับบอกให้เราลงตรงแยก แยกหนึ่งกลางเมืองเนกอมโบแล้วให้หารถตุ๊กๆ ไปโรงแรม เพราะโรงแรมที่เราจองไว้ถ้านั่งไปถึงท่ารถที่เนกอมโบจะไกลไปอีก เราเลยลงครับ ใช้เวลานั่งรถจากโคลอมโบมาที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมงเลยครับ นานมาก ขนาดว่าระยะทางไม่ไกลนะเนี่ย


ตรงจุดที่เราลงรถเมล์ มีโชเฟอร์ตุ๊ๆ อยู่คนเดียว เขาเลยให้พวกเรานั่งตักยัดกันไปทั้ง 4 คนเลยครับเขาคิดคนละ 100 รูปี ฟันเหนาะๆ 400 รูปี (แค่ 100 บาทครับไม่แพงหรอก นั่งไปตั้งไกล แต่เหน็บจะกินเพราะอัดกันแน่น เคลื่อนที่ไม่ได้) อีก 20 นาที รถตุ๊กๆก็พาเรามาถึงโรงแรม Ceylonica Beach Hotel ครับ อุตส่าห์จองห้องไว้โรงแรมติดทะเล เผื่อได้เล่นน้ำทะเล แต่มาถึงค่ำซะนี่ เลยอดเล่น แต่ชายหาดก็ไม่เห็นมีใครเล่นน้ำเลย คลื่นค่อนข้างแรงครับ 


ห้องที่เราพักครับที่ Ceylonica Beach Hotel ครับ เช็คอินเสร็จก็จัดการกินข้าวห่อที่เราซื้อกันมาจจากหน้าสถานีรถไฟโคลอมโบฟอร์ทครับ ถ้าจะใช้ Wifi มีอยู่ที่เดียวตรงรีเซพชั่น ใช้ฟรีครับ แต่ใช้ในห้องไม่ได้ครับ สัญญาณมาไม่ถึง


ปิดท้ายด้วยภาพชายหาดหลังโรงแรมนะครับ ภาพนี้ถ่ายตอนเช้าวัรุ่งขึ้นแล้วครับ ฝนกำลังจะมา ลงหนักมาๆๆๆๆ

อ่านบทความถัดไป วันที่ 8 เดินทางจากโรงแรมที่ Negomo ไปสนามบิน เดินทางไป กัวลาลัมเปอร์ และกรุงเทพฯ

อ่านบทความก่อนหน้า วันที่ 6 เที่ยววัดพระเขี้ยวแก้ว (Sri Dalada Maligawa Temple) ช็อปปิ้งเมืองแคนดี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น